สรรพคุณของ สะเดา ที่มีต่อสุขภา...
ReadyPlanet.com


สรรพคุณของ สะเดา ที่มีต่อสุขภาพ


               สะเดา เป็นไม้ยืนต้น เรือนยอดพุ่มกลม สูง 10 – 15 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลเทาถึงเทาปนดำ ผิวเปลือกของลำต้นมักแตกเป็นร่องเล็ก ๆ ส่วนใบมีสีเขียว ยาวคล้ายรูปหอก ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มักมีสีขาวหรือสีเทา ส่วนผลและเมล็ด จะออกเป็นพวงคล้ายกับผลองุ่น รูปร่างกลมรี อวบน้ำ เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองอมเขียวสามารถเติบโตได้ดีในภูมิอากาศที่ร้อนชื้น และสภาพดินที่มีความแห้งแล้ง ไม่อุดมสมบูรณ์ เช่น ดินเหนียว ดินเหนียวปนทราย จึงจัดว่าเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่ายและทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากชนิดหนึ่ง ชาวบ้านจึงมักปลูกต้นสะเดาตามแนวรั้ว หรือ คันนา เพื่อให้ร่มเงา ตลอดจนใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่น เก็บดอกและยอดอ่อนมารับประทาน ไปจนถึงนำเนื้อไม้มาใช้ในการก่อสร้าง หรือ ทำเฟอร์นิเจอร์ สล็อต

ต้นสะเดาแก้ไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะยอดอ่อนและดอกสะเดา สามารถรับประทานเพื่อแก้อาการเป็นไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ หรือ น้ำมูกไหล ได้ โดยจะจิ้มกินเป็นผักสดคู่กับน้ำพริก หรือ นำใบและดอกไปตากแดดจนแห้ง แล้วค่อยมาต้มกับน้ำ รับประทานก็ได้มีแคลเซียมสูง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในสะเดา 1 ขีด จะมีแคลเซียมมากถึง 354 มิลลิกรัม ซึ่งถือเป็นผักที่มีแคลเซียมสูงสุดอันดับ 3 เลยทีเดียว จึงมีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เหมาะกับผู้สูงอายุ ที่มีความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมลดลง และกระดูกเริ่มไม่แข็งแรง สล็อตออนไลน์

ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผลงานวิจัยบางชิ้น พบว่า ดอกและยอดอ่อน รวมถึงเปลือกและผลของสะเดา มีสารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารลิโมนอยด์ (Limonoids) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เข้าไปช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ชื่อว่า แมคโครฟาจ (Macrophage) ให้ทำหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีมากขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกและโรคมะเร็งต่าง ๆคนไทยรู้จักนำดอกและยอดอ่อนของ สะเดา มารับประทานกันนานแล้ว โดยนิยมนำมาทานเป็นผักสด กินคู่กับ ปลาดุกย่าง น้ำพริกปลาย่าง น้ำพริกปลาร้า ลาบเลือดขม แกงอ่อม ต้มขม ต้มส้ม แกงขนุนอ่อน หรือจะนำมาทานคู่กับน้ำปลาหวาน เป็นเมนู สะเดาน้ำปลาหวาน ก็ได้ โดยดอกสะเดา จะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม ส่วนยอดอ่อน จะออกในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งดอกและยอดอ่อนแบบสด ๆ ของต้นสะเดา มีรสขม ซึ่งจะขมมาก ขมน้อย ก็ขึ้นแล้วแต่ต้น แต่ละสายพันธุ์ที่มีในท้องถิ่น ทำให้หากต้องการลดความขมลง ชาวบ้านจึงมักนำเอาดอกและยอดอ่อนของสะเดา มาห่อใบตอง แล้วนำไปย่างด้วยไฟอ่อน จนกว่าใบตองจะออกสีน้ำตาลไหม้ เพื่อให้น้ำมันของดอกและยอดอ่อนสะเดาระเหยออกมา ทำให้ขมน้อยลง เรียกวิธีการนี้ว่า “สะเดาฟาดไฟ”อีกวิธีหนึ่งก็คือ การนำไปแช่น้ำข้าวสุก หรือ เรียกกันว่า “ดงข้าว” โดยเมื่อหุงข้าวจนสุกแล้ว จะเทน้ำข้าวร้อน ๆ ออกมาใส่สะเดาที่ใส่ไว้ในกะละมังจนท่วมสะเดา จากนั้น ปล่อยทิ้งไว้ จนกว่าน้ำข้าวจะเย็นลง จึงค่อยหยิบสะเดาออกมารับประทาน จะได้สีสะเดาที่เขียวสวย รสขมน้อยลง รับประทานได้อร่อยมากขึ้นทั้งนี้ หากใครต้องการเก็บใบสะเดา ที่ไม่มีรสขมตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องนำไปลดความขมในภายหลังให้เสียเวลา ให้เลือกใบสะเดามารับประทาน โดยการสังเกตที่สีของใบ หากสะเดามีรสมัน หรือ ไม่ขม ใบจะเป็นสีเขียวทั้งใบ แต่หากปลายใบและยอด ออกสีแดง แปลว่า มีรสชาติขม ดังนั้น ก่อนเด็ด ให้สังเกตดูให้ดี ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงใบที่มีรสขมได้ ทดลองเล่นสล็อต



Post by mimii888 (lelemimi76-at-gmail-dot-com) :: Date 2022-11-10 10:47:09


Opinion
Opinion *
By  *
E-Mail 
Don't Display E-mail